ในยุคที่องค์กรต้องขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) ที่เคยเพียงพอในอดีตอาจไม่สามารถตอบโจทย์ได้อีกต่อไป หลายองค์กรเริ่มหันมาใช้แนวทางใหม่ที่เรียกว่า Two-Tier ERP เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการระหว่างสำนักงานใหญ่และสาขาย่อยอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น บทความนี้จะอธิบายให้เข้าใจง่ายว่า Two-Tier ERP คืออะไร ทำงานอย่างไร และทำไมจึงเป็นที่นิยมในองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก
Two-Tier ERP คืออะไร
Two-Tier ERP คือแนวคิดการใช้ระบบ ERP สองชั้น (Two Layers) ภายในองค์กร โดยแบ่งการทำงานออกเป็น
- Tier 1: ระบบ ERP หลักที่ใช้ในสำนักงานใหญ่ (Headquarters)
- Tier 2: ระบบ ERP รองที่ใช้ในสาขาย่อย หรือหน่วยธุรกิจเฉพาะทาง
แนวคิดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่องค์กรขนาดใหญ่เผชิญอยู่บ่อยครั้ง เช่น ระบบ ERP เดิมที่มีความซับซ้อนเกินไป หรือไม่สามารถปรับใช้ได้รวดเร็วในหน่วยธุรกิจใหม่ ๆ การใช้ Two-Tier ERP จึงช่วยให้องค์กรสามารถเชื่อมโยงข้อมูลได้ครบในขณะเดียวกันก็ปรับตัวได้เร็วกับการเปลี่ยนแปลงในแต่ละสาขา
องค์ประกอบของ Two-Tier ERP
ระบบ ERP แบบ Two-Tier ประกอบด้วยสองชั้นหลักที่ทำงานร่วมกัน แต่มีบทบาทแตกต่างกันอย่างชัดเจน
ERP Tier 1
Tier 1 คือระบบหลักที่ใช้บริหารจัดการภาพรวมขององค์กร เช่น การเงิน การบัญชี การบริหารทรัพยากรบุคคล และการวิเคราะห์ข้อมูลระดับสูง ระบบนี้มักเป็นแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ที่เน้นความเสถียร ความปลอดภัย และการควบคุมมาตรฐานในทุกประเทศที่องค์กรดำเนินงาน
ERP Tier 2
Tier 2 คือระบบ ERP ที่ใช้ในระดับสาขาหรือหน่วยธุรกิจย่อย เพื่อรองรับการดำเนินงานเฉพาะ เช่น การผลิต การจัดซื้อ การขาย หรือการบริหารสินค้าคงคลัง ซึ่งต้องการความยืดหยุ่นและความรวดเร็วมากกว่า ระบบ Tier 2 มักจะมีต้นทุนต่ำกว่า ติดตั้งเร็วกว่า และสามารถปรับแต่งให้เข้ากับบริบทของแต่ละประเทศหรือหน่วยงานได้ดีกว่า
ทำไม Two-Tier ERP ถึงเป็นที่นิยมมากขึ้น
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Two-Tier ERP อย่าง Oracle Netsuite ได้รับความนิยม คือความสมดุลระหว่างการควบคุมส่วนกลางและความคล่องตัวของสาขา โดยเฉพาะองค์กรที่มีหลายประเทศหรือหลายแบรนด์ย่อย การใช้ระบบ ERP เดียว (Single ERP) มักจะมีต้นทุนสูง ปรับแต่งยาก และไม่ยืดหยุ่นเพียงพอ
ในทางกลับกัน Two-Tier ERP ช่วยให้สำนักงานใหญ่ยังคงควบคุมข้อมูลสำคัญได้ครบถ้วน เช่น งบการเงินรวม หรือรายงานการบริหาร ขณะเดียวกันสาขาย่อยสามารถใช้ระบบ ERP ที่เหมาะกับตนเอง ทำให้การดำเนินงานรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
การทำงานของ Two-Tier ERP
ระบบ Two-Tier ERP จะทำงานโดยเชื่อมโยงฐานข้อมูลระหว่าง Tier 1 และ Tier 2 เข้าด้วยกัน ผ่าน API หรือระบบ Integration ที่ปลอดภัย เมื่อสาขาย่อยอัปเดตข้อมูลการขาย การผลิต หรือการจัดซื้อ ข้อมูลเหล่านั้นจะถูกส่งกลับไปยังสำนักงานใหญ่แบบเรียลไทม์ ทำให้ผู้บริหารเห็นภาพรวมได้ทันที
ในทางกลับกัน สำนักงานใหญ่สามารถส่งข้อมูลการเงิน มาตรฐานการบัญชี หรือนโยบายใหม่ ๆ ไปยังสาขาได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน ช่วยให้ทั้งองค์กรทำงานไปในทิศทางเดียวกันโดยไม่เสียเวลาในการประสานงาน
ประโยชน์ของ Two-Tier ERP
การใช้ Two-Tier ERP มอบประโยชน์หลายด้านแก่ธุรกิจ โดยเฉพาะในองค์กรที่มีโครงสร้างซับซ้อน
1. ความยืดหยุ่นสูง
สาขาย่อยสามารถปรับระบบให้เหมาะกับกระบวนการเฉพาะของตนได้ โดยไม่กระทบต่อระบบหลักขององค์กร
2. ลดต้นทุนและเวลาในการติดตั้ง
ระบบ ERP ขนาดเล็กในระดับ Tier 2 ใช้เวลาติดตั้งน้อยและมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าเมื่อเทียบกับระบบขนาดใหญ่ระดับองค์กร
3. การควบคุมข้อมูลส่วนกลางที่มีประสิทธิภาพ
สำนักงานใหญ่ยังคงเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดได้แบบเรียลไทม์ สามารถวิเคราะห์ผลลัพธ์จากทุกสาขาได้อย่างแม่นยำ
4. รองรับการขยายธุรกิจในอนาคต
เมื่อองค์กรเปิดสาขาใหม่ในประเทศอื่นหรือเริ่มหน่วยธุรกิจใหม่ ระบบ Tier 2 สามารถติดตั้งและเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็ว
ERP แบบ Two-Tier เหมาะกับองค์กรแบบไหน
Two-Tier ERP เหมาะกับองค์กรที่มีโครงสร้างหลายระดับ เช่น บริษัทแม่ที่มีบริษัทลูก หรือองค์กรขนาดใหญ่ที่มีสาขาหลายประเทศ นอกจากนี้ยังเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถเริ่มใช้งานในระดับย่อยก่อน แล้วค่อยเชื่อมเข้ากับระบบหลักในภายหลัง
ตัวอย่างเช่น
- องค์กรระดับโลกที่มีสำนักงานใหญ่ในประเทศหนึ่งและโรงงานในอีกประเทศหนึ่ง
- กลุ่มธุรกิจที่มีหลายแบรนด์ ซึ่งแต่ละแบรนด์มีระบบการดำเนินงานต่างกัน
- บริษัทที่ต้องการความยืดหยุ่นในการปรับระบบให้เข้ากับกฎระเบียบท้องถิ่นแต่ยังต้องรายงานข้อมูลกลับส่วนกลาง
ข้อควรพิจารณาก่อนเลือกใช้ ERP แบบ Two-Tier
แม้ Two-Tier ERP จะมีข้อดีหลายด้าน แต่อย่างไรก็ตาม การใช้งานก็ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ โดยควรพิจารณาในประเด็นต่อไปนี้
- ความเข้ากันได้ของระบบ (Integration Compatibility): ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบ Tier 1 และ Tier 2 สามารถเชื่อมต่อและซิงค์ข้อมูลกันได้อย่างปลอดภัย
- มาตรฐานข้อมูล (Data Consistency): ต้องมีมาตรฐานกลางเพื่อป้องกันข้อมูลซ้ำหรือขัดแย้งกันระหว่างสองระบบ
- การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลง (Change Management): การนำ Two-Tier ERP มาใช้จำเป็นต้องมีการอบรมพนักงานและวางกระบวนการทำงานที่ชัดเจน
การเตรียมความพร้อมตั้งแต่ขั้นตอนวางแผนจนถึงการดำเนินงานจริงจะช่วยให้องค์กรใช้ระบบ ERP ได้เต็มประสิทธิภาพ และลดความซับซ้อนในการจัดการข้อมูล
สรุปบทความ
Two-Tier ERP คือแนวทางใหม่ในการบริหารจัดการระบบ ERP สำหรับองค์กรยุคดิจิทัล ที่ต้องการทั้งการควบคุมส่วนกลางและความยืดหยุ่นของหน่วยย่อยไปพร้อมกัน ระบบนี้ช่วยให้สำนักงานใหญ่สามารถบริหารข้อมูลแบบรวมศูนย์ ในขณะที่สาขาย่อยทำงานได้อย่างรวดเร็วและตรงตามความต้องการของตลาด
ในยุคที่องค์กรต้องขยายตัวอย่างต่อเนื่อง การเลือกใช้ Two-Tier ERP ถือเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด ช่วยลดต้นทุน ปรับตัวได้ไว และขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว Precise Solutions พร้อมให้บริการด้านการติดตั้ง Oracle Netsuite ระบบ ERP แบบ Two-Tier ที่มีหลากหลายโมดูล และรองรับการทำงานทุกรูปแบบ การันตีด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี



